เรื่องนี้ส่งมาจากคุณแอล (นามสมมติ) ครับ คุณแอลเล่าว่า.. ต้องบอกก่อนนะคะว่าทางบ้านเรามีย่าเป็นร่างทรง แต่ไม่ได้เปิดตำหนักอะไร รู้กันแค่คนในครอบครัว และเพื่อนสนิท เพราะแบบนี้มันเลยทำให้เราพอจะมีเซ้นส์อยู่บ้าง เพราะซึมซับมาตั้งแต่เกิด มีเห็นนั่นเห็นนี่บ้าง แต่ที่เจอหนักจริงๆ จะมีไม่กี่เรื่อง และจะเจอเฉพาะช่วงที่ดวงตก เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ผ่านมาได้ 2-3 ปีแล้ว สมัยที่เรายังเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ แต่บ้านเราอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ พอช่วงปิดเทอมเราก็กลับมาอยู่บ้าน ตอนนั้นที่บ้านเรามีกิจการเสริมคือขายเสื้อผ้าทั้งมือหนึ่งและมือสอง โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเราไปเช่าบ้านมาเปิดร้านเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ พอกลับมาเราก็เลยต้องไปช่วยงานค่ะ
บ้านเช่าที่ว่าเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างปรับปรุงทำเป็นร้านขายเสื้อผ้า ชั้น 2 ปล่อยโล่งเอาไว้ หลังบ้านจะมีห้องอยู่ห้องหนึ่งถูกล็อคด้วยแม่กุญแจดอกใหญ่มากๆ ตอนที่เห็นก็สงสัยว่าทำไมต้องใช้แม่กุญแจดอกใหญ่ขนาดนั้นด้วย? แต่ย่าบอกว่าเป็นห้องเก็บของธรรมดา อย่าไปสนใจเลย เราเลยปัดเรื่องห้องข้างหลังทิ้งไป.. ทุกวันเราก็ไปช่วยขายที่ร้านตามปกติ แต่ที่ทำให้เรารู้สึกแปลกๆ ทุกวันที่ไปที่ร้าน คือจะมีซากแมลงสาบตายอยู่ที่พื้นไม่ต่ำกว่า 10 ตัวทุกวันก่อนเปิดร้าน ทั้งที่ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลงอะไรเลย พอไปถามข้างบ้าน เขาก็บอกไม่เคยมีปัญหาเรื่องแมลงสาบเลยนะ แมลงสาบพวกนั้นมันมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วในช่วงเย็นๆ เรามักจะรู้สึกเหมือนมีคนมองลงมาจากชั้น 2 ตลอดเวลา พอเอาเรื่องพวกนี้ไปถามย่า ย่าก็บอกแต่ว่าไม่มีอะไรๆ
จนวันหนึ่งเรารู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยขอย่าไปนอนงีบตรงโซนพักสักเดี๋ยว ย่าเราเลยอยู่เฝ้าหน้าร้านคนเดียว ในช่วงที่เรากึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้ยินว่ามีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน ย่าเราก็ลุกออกไปดู สักพักเราได้ยินเสียงจากไม้แขวนที่กระทบราวเหล็ก ‘แก่กๆๆ’ แบบวุ่นวายมากๆ ด้วยความเป็นห่วง เราเลยจะลุกขึ้นไปดูย่าเรา แต่เรากลับลุกไม่ขึ้น! หันได้แค่หัว พอเราหันไปทางขวาเราก็เห็นข้อเท้าซีดๆ ของผู้หญิงใส่ผ้าถุงสีดำๆ มีเลือดย้อยออกมาจากด้านในผ้าถุงลงมาที่ข้อเท้า! เราไม่กล้ามองสูงกว่านั้นเพราะรู้แล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ เราร้องกรี๊ดขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด แต่เหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงเราเลย เรากลั้นใจหันหน้าหนีไปทางซ้าย ทางนี้เราเจอผู้ชายแก่ๆ ผมขาวรวบเป็นมวยไว้กลางหัว หนวดขาวยาวถึงอก แต่งชุดขาวแบบชุดปฏิบัติธรรม กำลังยืนชี้ไปฝั่งตรงข้ามพร้อมกระทืบเท้าลงพื้นดัง ‘ตึง’ แบบโกรธๆ เรารู้ด้วยจิตสำนึกเลยว่าเขาต้องมาช่วยเราแน่ๆ เราร้องไห้เสียงดังลั่น น้ำตาไหลพรากแต่ก็เหมือนเดิม คือไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เราทำใจกล้าหันกลับไปทางเดิม ผู้หญิงที่เราเห็นก็ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาเราเลย แต่เราก็มองไม่เห็นหน้าเขาหรอก
คิดว่าจะหมดแค่นี้ เพราะเราเห็นย่าเดินกลับเข้ามาตรงโซนพักแล้ว เราร้องไห้เรียกให้ย่าช่วยเรา ตะโกนจนเจ็บคอไปหมด คราวนี้ย่ามองมาที่เราเหมือนจะรู้อะไรบ้างแล้ว แต่เรื่องที่เราเจอยังไม่จบแค่นั้น อยู่ๆ ข้างบนหัวเราที่เป็นราวผ้า ก็มีเด็กมุดราวผ้าโผล่ออกมา! เด็กคนนี้ใส่เสื้อสีส้มมัดผมแกละ และมีฟันที่แหลมมากแบบฟันฉลาม พยายามจะยัดเยียดของเล่นในมือให้เรา และชวนเราเล่นด้วย เราตะโกนเรียกให้ย่าช่วยอีกครั้ง แต่ย่าไม่รู้สึกถึงเราอีกแล้ว ด้วยความกลัวจนมันเปลี่ยนเป็นความโมโห โกรธที่ว่าเราไปทำอะไรให้ ทำไมต้องมาหลอกแบบนี้ เราอยู่ของเราดีๆ ไม่เคยไปลบหลู่อะไรเลย แค่เราไม่สบาย และอยากจะพัก ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้!? เราเลยเอาความโกรธทั้งหมดมาลงกับผีเด็กนี่ ฝืนเอาแรงเฮือกหนึ่งเอื้อมมือจับคอเสื้อเด็ก ตั้งใจจะหยุดไม่ให้เด็กมายุ่งกับเรา ซึ่งจังหวะที่เรากำลังจับคอเสื้อเด็ก เด็กมันก็กัดที่ข้อมือเราจนเจ็บแปล๊บ ทำให้เราโมโหขึ้นมาอีก และมีแรงเหวี่ยงมันออกไปชนกับผนังอีกฝั่ง ย่าเราที่เห็นเรายกมือ ก็รีบมาฉุดมือเราขึ้นมานั่ง ทำให้เราหลุดออกมาจากวังวนนั้นได้ พอเราลุกขึ้นมาก็เล่าทุกอย่างให้ย่าฟัง แต่ย่าบอกช่วงที่เราตะโกนเรียกเขา เขาได้ยินแค่เสียง อื้อๆ เหมือนเราละเมอเบาๆ แค่นั้นเอง!? แต่ว่าหลักฐานที่คอก็เจ็บจริง มือก็มีรอยฟันจริงๆ มันทำให้ย่าเราเชื่อ เราพยายามเค้นถามเขาอีกครั้ง ว่าบ้านนี้มันมีอะไรกันแน่ แต่ย่าก็ยังไม่ยอมบอกเรา นับจากวันนั้นเราก็ไม่ยอมไปช่วยขายของอีกเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราเจอหนักมากจริงๆ
จนเรากลับมาเรียนที่กรุงเทพฯ ย่าถึงโทรมาเล่าเรื่องบ้านเช่าหลังนั้นให้ฟัง บ้านนั้นเคยถูกเจ้าของคนแรกที่เป็นพยาบาลกับบุรุษพยาบาลที่เกษียณแล้ว ดัดแปลงเป็นคลินิกทำแท้งที่รู้กันแบบลับๆ ที่ชั้น 2 คือใช้ทำแท้ง ส่วนข้างล่างที่เราใช้เป็นร้านเสื้อผ้าก็ทำเป็นบ้านที่อยู่อาศัยกันปกติเหมือนว่าชั้นบนไม่มีอะไร และห้องด้านหลังที่มีกุญแจดอกใหญ่ล็อกเอาไว้ คือห้องที่สร้างไว้ให้ผู้หญิงที่ตกเลือดนอนพักฟื้น แต่มีคนเสียชีวิตไหมอันนี้เราก็ไม่รู้ แต่คิดว่าไม่น่าพลาด แต่ที่แน่ๆ มีเด็กหลายสิบชีวิตที่ตายอย่างแน่นอน ส่วนเหตุที่ว่าทำไมวันนั้นเราถึงเจอหนักขนาดนั้น คือวันก่อนหน้านั้น ยันต์ท้าวเวสสุวรรณที่ย่าเราได้เข้าทรงทำพิธี เอามาติดไว้ตั้งแต่ช่วงเข้ามาเช่าใหม่ๆ ได้หลุดออกมาจากผนังชั้น 2 แล้วแม่ของเราก็เอายันต์นั้นกลับไปที่บ้าน ยังไม่ได้เอาไปแปะคืนที่เดิมโดยที่ไม่ได้บอกใครเลยสักคน และน่าจะลืมไปแล้วด้วยว่าเอากลับบ้านมา พอดีกับที่เราป่วย ดวงเราตกพอดี ทำให้เราเจอหนักแบบนั้นก็เป็นได้ เราก็ถามย่ากลับไปนะ ว่าป้าที่อยู่ข้างบ้านติดกันเขาไม่เจอบ้างเลยเหรอ ย่าเราก็ตอบว่า เขาเจอ แต่เขาก็ย้ายไปไหนไม่ได้นี่ มันบ้านเขา เด็กพวกนี้นับวันยิ่งเฮี้ยนมากจนออกมาหลอกคนระแวกบ้าน ซึ่งเจ้าของเดิมเขาทำพิธีสะกดเอาไว้แล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก ป้าข้างบ้านเขาเลยต้องไปหาวิธีป้องกันโดยการใช้หินปลุกเสกโรยกั้นเขตบ้าน ให้พวกผีมองไม่เห็นบ้านเขา จนเขาอยู่ได้แบบปกติสุข เรื่องก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ ขอรับรองว่าเรื่องที่เล่าคือเราเจอกับตัวจริงๆ ภาพทุกอย่างมันติดตามาจนทุกวันนี้เลยค่ะ
Story by คุณแอล (นามสมมติ)