เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณนัท เจ้าของแฟนเพจ ‘หนังโปรดของข้าพเจ้า’ ซึ่งเป็นเพจวิจารณ์หนังที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คุณนัทเล่าถึงเหตุการณ์ในคืนหนึ่งให้ฟังว่า.. ผมกลับบ้านมา เปิดประตูบ้านเข้าไป ก็ได้ยินเสียงพิธีกรคนหนึ่งในรายการโทรทัศน์ ซึ่งผมรู้ว่าเป็นรายการเล่าเรื่องผี เรื่องเหนือธรรมชาติ.. น้องชายผมกำลังนอนเล่นมือถือ สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอในมือ ผมไม่แน่ใจว่าหูของน้องผมให้ความสนใจกับเรื่องเล่าในโทรทัศน์หรือไม่..
‘มึงเชื่อเรื่องผีในรายการป่ะวะ’ เสียงกันต์น้องชายผมถาม เมื่อเห็นผมกำลังถอดเสื้อผ้าจะเข้าไปอาบน้ำ.. ‘มึงก็รู้ว่ากูไม่เชื่อเรื่องพวกนี้’ ผมตอบ และก็เป็นความจริงที่ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ผมก็บอกไม่ถูก ว่าทำไมผมถึงมองว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลของพวกงมงาย
‘คนไม่เคยเจอแบบมึงไม่รู้หรอก’ น้องผมสวนกลับมา ผมจึงถามกลับด้วยความสงสัยว่า ‘แล้วมึงรู้ได้ไงว่าที่มึงเจอคือผีวะ? ตอนนั้นมึงแค่ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ข้างนอก มึงยังไม่ทันออกไปดูเลย มึงก็คิดว่าเป็นผีละ’ ยังไม่ทันที่น้องผมจะเถียงต่อ ผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย ผมขี้เกียจเถียงต่อให้เสียเวลา เพราะยังไงคนที่มีความเชื่อต่างกันก็คงเถียงกันไม่มีที่สิ้นสุด
จนผมอาบน้ำเสร็จ เดินเข้ามาในห้องนอนที่ผมนอนร่วมกับน้อง ห้องนอนนี้จะอยู่แยกออกจากตัวบ้าน อยู่ใกล้กับประตูรั้วบ้าน เดิมทีเคยเป็นห้องเก็บของ จนกระทั่งผมกับน้องอยากได้ห้องใหญ่ขึ้น ก็เลยย้ายจากชั้นสองมาห้องข้างล่างที่ขนาดใหญ่กว่า.. ผมมองดูนาฬิกา ตอนนั้นเป็นเวลาตี 2 กันต์น้องผมหลับไปเรียบร้อย ถึงเวลานอนของผมบ้างแล้ว ผมปิดไฟห้อง ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้น ‘แง่~’ ‘แง๊~’ มาจากประตูรั้วบ้าน
‘เสียงเด็กทารกที่ไหนมาร้องอยู่หน้าบ้านวะ..?’ นี่คือสิ่งแรกที่สมองผมคิด ผมแง้มบานเกล็ดมองออกไปที่รั้วประตูบ้าน ไฟก็ส่องสว่างอยู่ข้างนอก แต่ผมกลับมองเห็นเพียงความว่างเปล่า.. เสียงเด็กยังร้องดังต่อเนื่อง ชัดเจนมากๆ ‘แง่~’ ‘แง๊~’ ผมมั่นใจว่าเสียงนั้นดังมาจากประตูรั้วบ้านผมแน่ๆ ความกลัวเริ่มเกาะกินผม สมองผมเริ่มคิดว่า ในเมื่อเป็นเด็กทารกก็น่าจะอยู่ที่พื้นสิ ใครเอาเด็กทารกมาทิ้งไว้หน้าบ้านกูวะ? เฮ้! ผมได้ความคิดเหลวไหลแบบนี้ จากการดูละครมากไปหรือเปล่า?
‘ไม่น่าใช่เด็กทารก!’ สมองผมเริ่มสร้างความเชื่อ ว่าการเอาเด็กมาทิ้งหน้าบ้านคนอื่น เป็นเรื่องที่มีแค่ในละคร ‘แล้วมันคืออะไรล่ะ!?’ ผมเริ่มสับสน หรือว่ามันจะเป็นผี! สมองผมเริ่มจินตนาการถึงสิ่งลี้ลับ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมกลัวผี.. ผมหันไปมองน้องที่ยังหลับอยู่ ผมรู้สึกกลัวเสียหน้าถ้าหากปลุกน้องขึ้นมาเพราะกลัวผี ความรู้สึกเสียหน้า มีอิทธิพลกับผมมากกว่าผีอีกหรือเนี่ย!?
เอาล่ะ ผมเรียกสติกลับมา ความกลัวในสิ่งที่เราหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ ทำให้สมองเราจินตนาการถึงสิ่งลี้ลับ ผมค่อยๆ ลำดับความคิดใหม่ เสียงร้องแบบนี้ ผมมั่นใจว่าเป็นเสียงเด็กทารก ผมเริ่มสร้างทฤษฎีคาดเดาว่าอะไรอยู่หน้าบ้านผม สมองผมถามคำถามว่า ‘ทำไมนายไม่เปิดประตูไปดูล่ะ?’ คำถามนี้ทิ่มแทงความเชื่อของผม นั่นแปลว่าจิตใต้สำนึกลึกๆ แล้ว ผมอาจจะยังกลัวสิ่งลี้ลับ เพียงเพราะความกลัวที่จะเผชิญหน้า
‘ทำไมเราไม่เลิกหยุดจินตนาการเอาเอง แล้วเปิดออกไปดูเสียล่ะ?’ ผมถามตัวเองอีกครั้ง ผมมองลอดบานเกล็ดออกไปหน้าบ้านอีกครั้ง เสียงร้องยังคงดังอยู่ ผมหันไปมองน้องอีกครั้ง ด้วยความลังเลที่จะปลุกมัน แต่ผมต้องการพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง ไม่ใช่พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นดูว่าผมกล้า.. ผมสูดหายใจเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเห็น
ผมค่อยๆ ก้าวเดินไปที่ประตูห้องนอน บิดประตูห้องให้เปิดออกเบาๆ ก้าวเดินอย่างคนขวัญหนีดีฝ่อไปที่ประตูรั้ว และสิ่งที่ผมเห็นนั้น สอนให้ผมเข้าใจว่า ความกลัวคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง อย่าให้ความกลัวครอบงำคุณ จงออกไปพิสูจน์มัน.. ความกล้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว นี่คือชัยชนะของผม!
Story by แอดมินเพจ หนังโปรดของข้าพเจ้า
คำตอบของเสียงที่ได้ยินคือ http://pantip.com/topic/30413717