เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณดุ๊กดิ๊กครับ เป็นเรื่องของเพื่อนที่ชื่อ เบียร์ โดยเรื่องมีอยู่ว่า.. ผมกับเพื่อนๆ ได้มารวมตัวกันที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตพระประแดง-ประชาอุทิศ นี่เองครับ พวกผมมีกันอยู่ 6 คน คืนนั้น ช่วงเวลาตี 1 กว่าๆ ผมกับเพื่อนๆ ก็ชวนกันออกไปปากซอยหาซื้อของกิน และบุหรี่ คืนนั้นป็นคืนเดือนมืดครับ ในซอย และบ้านแต่ละหลังปิดไฟนอนกันหมดแล้ว ระยะทางกว่าจะไปถึงร้านค้าปากซอยค่อนข้างไกลพอสมควร พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานครับ เป็นสะพานที่ค่อนข้างสูง ตอนนั้นไม่มีรถหรือคนเดินเลย ทันใดนั้นเอง เพื่อนผมคนหนึ่งที่ชื่อ เบ่ม ก็เห็นอะไรบางอย่าง ลักษณะเหมือนกับผู้หญิงนุ่งผ้าถุงยืนอยู่บนสะพาน ตรงที่พวกผมกำลังจะเดินผ่านครับ ด้วยความที่ค่อนข้างมืด เลยไม่มีใครทันสังเกตุ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ กลับพบว่า ผู้หญิงที่ยืนอยู่นั้นไม่มีหัวครับ! เห็นกันทุกคน
พวกผมรีบวิ่งผ่านผู้หญิงคนนั้นไปแบบไม่มีรอกันเลย วิ่งไปร้องโวยวายกันไปลั่นซอย พอผ่านไปได้สักประมาณ 200 เมตร ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านเรือนไทยเก่าๆ หลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว และเท่าที่ผมจำได้ เมื่อหลายปีก่อน เจ้าของเดิมเป็นตายายอยู่กันแค่ 2 คน และได้หายตัวไปจากบ้านหลังนี้ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าหายไปไหนนะครับ พอผมคิดถึงเรื่องนี้อยู่เท่านั้นแหละ สิ่งที่พวกผมเห็นกันตรงหน้าก็คือ 2 ตายาย นั่งอยู่ที่หน้าบ้าน ตัวขาวซีดมากๆ และจากบรรยากาศโดยรอบที่มืดมาก ทำให้พวกผมเห็นตายายชัดเจน แล้วแกก็ชี้มาที่พวกผม นี่ขนาดมากัน 6 คน ยังรู้สึกขนลุกซู่กันเป็นแถบๆ
ตอนนั้นคิดหนักเลยว่าจะไปกันต่อ หรือจะกลับดี นี่ขนาดมากันแค่ครึ่งทาง พอเดินไปต่ออีกนิด ใกล้ๆ กับบ้านทรงไทยหลังนั้น จะมีศาลพระพรหมอยู่ เป็นศาลประจำซอยที่ค่อนข้างใหญ่มาก พวกผมเลยรีบวิ่งไปที่ศาลทันที ที่บริเวรศาลจะมีต้นไทรต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ผูกผ้าสีไว้ ผมก็รีบเอาธูปเทียนที่มีวางอยู่ บอกกับเพื่อนว่าให้มาจุดธูปกัน แล้วขอให้เจ้าที่ ผีบ้านผีเรือนแถวนี้คุ้มครองดีกว่า จากนั้นก็จุดธูปกราบขอขมากันไป ทันใดนั้นเอง เศษใบไม้แห้งที่อยู่รอบๆ ศาลก็ดังขึ้นมา เหมือนเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ครับ เสียงมันดังเหมือนคนกำลังเดินวนอยู่รอบศาล อ้อมไปด้านหลังต้นไทร และจากที่เดินเหยียบใบไม้ กลายเป็นวิ่งครับ ชัดมาก เป็นเสียงวิ่งแน่ๆ แต่พอมองไปรอบๆ กลับไม่มีคน หรือเงาใดๆ เลย.. ลมก็พัดไปมาอยู่นานมากครับ จนธูปในมือพวกผมหมดดอก จากนั้นก็เงียบลง พวกผมนี่ประมาณว่าหน้าโหดกันทุกคน แต่กลับยืนตัวแข็งตัวสั่นด้วยความกลัวสุดๆ แต่แล้ว สิ่งที่พวกผมทั้ง 6 คนเห็นเหมือนกันก็คือ ผู้ชายมาจากทางไหนก็ไม่รู้ วิ่งขึ้นต้นไทรไปอย่างเร็ว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังมาก แล้วหายไปเข้าไปในนั้นครับ พวกผมนี่แทบจะสติแตกกันอยู่แล้ว สรุปคือไปไม่ถึงปากซอยครับ ต้องใส่เกียร์หมาวิ่งกลับบ้านอย่างเร็ว
พอกลับมาถึงบ้านเพื่อน พวกผมรีบวิ่งขึ้นบ้านทันที คืนนั้นพวกผมนอนรวมกันหมดเลยครับ ตอนนั้นก็ประมาณเกือบๆ ตี 3 ได้แล้ว พวกผมก็ปิดไฟกำลังจะนอน ก็คุยกันถึงเรื่องที่เจอ และบอกกันว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญ แล้วก็นอนหลับกันไปครับ.. สักพัก อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ เป็นเสียงปิดสวิทช์พัดลมที่ปลายเท้าน่ะครับ ผมก็หันไปมองว่าใครปิด? ปรากฏว่าก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาสักคน ผมเลยจะลุกไปเปิดพัดลมอีกครั้ง แต่คราวนี้สายตาผมมองเลยผ่านพัดลมไปที่หน้าต่าง และผมก็ต้องตกใจครับ เพราะเห็นมีเงาคนเดินผ่านหน้าต่างห้องไป ผมรีบสะกิดเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน และถามมันว่า ‘บ้านมึงมีระเบียงข้างนอกหรือเปล่า?’ มันก็บอกว่า ‘ไม่มี..’ เท่านั้นแหละ ผมรีบคลุมโปงนอนอย่างไวเลยครับ.. แล้วเชื่อไหมครับว่า ผมได้ยินเสียงกดพัดลมดังขึ้นมาอีก แต่คราวนี้ไม่ได้ดังครั้งเดียวนะครับ มันดังแบบ เหมือนกดรัวๆ ‘แกร๊กๆๆๆๆ’ ไปมาอยู่อย่างนั้น ทั้งคืน..
พอเช้า พวกผมมาคุยกัน ปรากฏว่าทุกคนได้ยินเหมือนกันหมดครับ โดยเฉพาะเพื่อนที่ชื่อ เบ่ม มันลุกขึ้นมาดูว่าใครกด และมันก็บอกว่าเห็นเป็นเงาผู้ชายดำๆ นั่งยองๆ กดพัดลมอยู่! เบ่ม เพื่อนผมคนนี้จะเป็นคนที่มีเซ้นส์แรงครับ จิตอ่อน จะเห็นอะไรมากกว่าทุกคนในกลุ่มเสมอ.. แล้วหลังจากนั้น พวกผมทุกคนก็ไปเข้าวัดทำบุญกัน.. เวลาผ่านไปหลายวัน พวกผมก็ได้มารู้บางอย่างเกี่ยวกับคืนเดือนมืดครับ เขาว่ากันว่า พวกเล่นของ คุณไสย มนต์ดำ ที่เลี้ยงผี เขามักจะชอบปล่อยของปล่อยผีในคืนเดือนมืดนี่ล่ะ พวกผมเลยไม่แน่ใจว่า มันจะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกผมเจอในคืนนั้นหรือเปล่าน่ะครับ แต่นึกแล้วก็ยังอดขนลุกไม่ได้
Story by คุณดุ๊กดิ๊ก