เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณนพครับ คุณนพเล่าว่า.. ปกติผมไม่เคยเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะผมได้เจอแบบจะๆ กับตัวเองมาแล้ว ขอย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนล่างของจังหวัดบุรีรัมย์ หมู่บ้านจะอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร มีต้นไม้ล้อมรอบหมู่บ้านเต็มไปหมด และมีวัดเล็กๆ อายุเก่าแก่พอๆ กับหมู่บ้านอยู่ด้วย ผมอาศัยอยู่กับพ่อแม่ และน้องชาย และจะมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งชื่อ ตาเด่น ครับ บ้านผมกับบ้านตาเด่นจะอยู่ติดกันเลย
ตาเด่นแกอยู่ตัวคนเดียว ลูกเต้าไม่มี ส่วนเมียแกเสียแล้วด้วยโรคประจำตัวตั้งแต่ยังสาว แกเลยเป็นพ่อหม้ายมาจนถึงทุกวันนี้ บุคลิคของตาเด่นแกจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาสุงสิงกับใคร นานๆ ทีผมกับแกจะได้พูดคุยถามสาระทุกข์สุขดิบกันบ้าง และแกก็เอ็นดูผมเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง เพราะแกเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก.. จนเช้าวันหนึ่ง มีคนมาบอกว่าตาเด่นแกเสียแล้ว ตอนนั้นผมก็ตกใจ แต่ก็คิดว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา และด้วยความที่ว่าตาเด่นแกตัวคนเดียว ผู้ใหญ่บ้านจึงให้ชาวบ้านในหมู่บ้านช่วยกันจัดงานศพเล็กๆ ให้แกที่วัดของหมู่บ้านเพื่อความสะดวก โดยจะสวดศพ 3 วัน แล้วจึงค่อยฌาปนกิจ
สวดคืนแรกผ่านไปด้วยดีครับ ปกติไม่มีอะไร ชาวบ้านก็ต่างมาช่วยงานศพตาเด่นเรื่อยๆ พอสวดคืนที่ 2 ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ ครับ ในขณะที่พระกำลังสวดอยู่ จู่ๆ ไฟก็เกิดดับลง ชาวบ้านในงานร้องฮือกันขึ้นมาเลย คือมืดไปหมดทั้งศาลา มีเหลือแต่เพียงแสงจากเทียนที่จุดหน้าศพเท่านั้น.. ไฟดับนานทีเดียวครับ จนชาวบ้านต่างทยอยกันกลับบ้านจนหมด แต่พ่อผมได้วานให้ผมนอนเฝ้าศพเป็นเพื่อนเณรที โดยที่คืนนั้นจะเหลือแค่ผมกับเณร 4 รูป และลุงสัปเหร่ออีก 1 คนเท่านั้น ผมก็ไม่ได้ติดอะไร เพราะสมัยนั้นผมไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว พวกเราก็นอนกันอยู่ที่พื้นศาลา หน้าโลงศพเลยครับ..
คืนนั้นน่าจะราวๆ ตี 1 กว่าๆ ขณะที่ผมกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะโลง ‘ปังๆๆ’ ผมกำลังงัวเงีย ก็ไม่สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นแมวของวัดมาหาอะไรกิน แล้วเสียงก็เงียบหายไปพักใหญ่ พอผมกำลังจะงีบหลับอีกครั้ง เสียงนั้นมันดังขึ้นอีกแล้ว ‘ปังๆๆๆๆ’ คราวนี้เสียงมันดังตลอดเวลาไม่หยุด จนผมรู้สึกไม่ไหวแล้ว เลยเปิดผ้าห่มหันไปดู เห็นเป็นชายแก่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าโลง ผมก็เอ้อ ลุงสัปเหร่อแกคงได้ยินเสียงเหมือนกับผมเลยเดินไปดูล่ะมั้ง แต่พอผมหันกลับมามองตรงที่นอน ปรากฏว่าลุงสัปเหร่อแกก็ยังนอนอยู่ข้างผมนี่เอง! รวมถึงเณรอีก 4 รูปครบเลย..
จังหวะนั้นผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ผมค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงจมูก แต่ยังคงเปิดตาไว้ พอผมลองหันไปมองอีกครั้ง ก็เห็นชายแก่คนนั้นแกค่อยๆ หันมา และผมก็ต้องตกใจมาก เพราะสิ่งที่เห็นคือตาเด่นครับ ถึงจะมืดไปนิด แต่ผมจำได้แม่นเลยครับว่าเป็นตาเด่น เพราะแสงเทียนที่จุดตรงหน้าศพ มันส่องให้เห็นใบหน้าตาเด่นได้ชัดเจน และสิ่งที่ทำให้ผมแทบช็อคจนเกือบหมดสติก็คือ ตาเด่นแกหันมาจ้องผม แต่ตัวแกไม่ได้หันมาด้วยนี่สิ! ผมนี่ภาพติดตาเลยครับ รีบหันกลับมานอนคลุมโปง ตัวสั่นแต่เหงื่อท่วมตัวเลยครับ แล้วผมก็รู้สึกว่าแกค่อยๆ เดินเข้ามาทางผม พร้อมกับได้ยินเสียงคนสวดมนต์พึมพัมๆ อีกด้วย ผมเลยตั้งสติพูดไปว่า ‘ตาเด่น อย่ามาหลอกนพเลย นพกลัว เดี๋ยวนพจะทำบุญไปให้นะครับ..’ จากนั้นเสียงที่กำลังเดินเข้ามาก็หายไปเฉยๆ ส่วนผมนั้นหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้..
ตื่นมาอีกทีตอนเช้า ผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลุงสัปเหร่อฟัง สัปเหร่อจึงบอกว่า ‘เมื่อคืนข้าก็เห็นไอ้เด่นมันมายืนอยู่หน้าโลงตั้งนาน ข้าเลยสวดมนต์อยู่อย่างนั้น ไม่กล้าปลุกเอ็งกลัวเอ็งจะกลัว ไม่คิดว่าเอ็งก็เห็นเหมือนข้า..’ ผมก็คิดในใจ ‘อ่อ เสียงสวดมนต์เมื่อคืนนี่คือลุงสัปเหร่อนี่เอง..’ พอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูชาวบ้าน ต่างก็ขนลุกไปตามๆ กัน.. จนถึงวันที่ 3 ได้ทำการฌาปนกิจศพตาเด่นไปเรียบร้อย และวันนั้นเอง ผมก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้กับตาเด่นด้วยเช่นกันครับ
Story by คุณนพ