เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณธีครับ คุณธีเล่าว่า.. ตอนนี้ผมมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา อยู่บ้านโฮสครับ วันหนึ่งเมื่อ 5 เดือนก่อน ผมไปเล่นตู้เกมกับเพื่อนฝรั่งมาครับ ผมไปเห็นของรางวัลชิ้นหนึ่ง เขาเรียกกันว่า Ouija board ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง ‘Ouija กระดานผีกระชากวิญญาณ’ ก็ทำนองเดียวกันเลยครับ คล้ายๆ ผีถ้วยแก้วบ้านเรา และด้วยความขี้สงสัยของผม ว่ามันของจริงหรือเปล่า? ผมก็เลยแอบไปหยิบของรางวัลเขามาเล่นกับเพื่อนครับ.. ผมก็กางกระดานเลย เอาตัวเลื่อนวางตรงคำว่า Ouija แล้วก็แตะนิ้วไปบนตัวเลื่อนพร้อมกับเพื่อน จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีฝรั่งหรอกครับ ไม่คิดว่าของแบบนี้มันจะสื่อสารกับวิญญาณได้จริง พวกผมก็ลบหลู่กันเต็มที่เลย ตามกฏของ Ouija แล้ว เวลาจะเลิกเล่นต้องบอกลา แต่พวกผมไม่ได้บอกลา เพราะไม่ได้เชื่อ พวกผมเอามือออก วางกระดานทิ้งไว้อย่างนั้นแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปครับ
ตกดึกคืนนั้นเอง ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง หลังจากทำการบ้านเสร็จผมก็ปิดไฟเข้านอนครับ เวลานอนที่อเมริกา บางบ้านเขาก็เปิดประตูห้องกัน บางบ้านก็ปิดประตู ส่วนผมจะปิดประตู และล็อคห้องทุกครั้งก่อนนอน.. ผมนอนหลับไปได้สักพักหนึ่ง ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดัง ‘ปัง!’ เสียงดังมากครับ ผมก็นึกว่าโฮสพี่ชายคงแกล้งแน่ๆ เลยตะโกนไปว่า ‘What!?’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมก็ไม่ได้อะไร คิดว่าตัวเองอาจจะฝันไปก็ได้ ก็นอนต่อ.. ทีนี้สักพักเดียวครับ หมาในบ้านมันก็เห่าอยู่ตรงบันได เห่าไม่หยุดเลย ผมก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น? เลยไปเปิดประตูออกไปดู ผมก็เห็นหมามันจ้องมาที่ผม พอผมก้มลงไปจะลูบหัวมัน ปรากฏว่ามันไม่ได้มองตามผมน่ะสิครับ ตามันยังมองจ้องอยู่ที่เดิมเหมือนเห็นอะไรอยู่ข้างหลังผม และเห่า ผมหันไปดูมันก็ไม่มีอะไร.. จากนั้นผมก็กลับไปนอนเหมือนเดิม
พอสักประมาณตี 2 ก็มีเสียงเคาะประตูห้องอีกแล้วครับ ครั้งนี้ดังมากๆ ผมคิดว่าโฮสพี่ชายแกล้งจริงๆ เลยตะโกนด่าไปเสียงดัง แต่ก็เงียบ.. ผมเริ่มแปลกใจว่าทำไมคนในบ้านไม่ตื่นทั้งๆ ที่เสียงเคาะประตูมันดังขนาดนั้น บวกกับเสียงตะโกนของผม สักพักประตูห้องที่ผมล็อคไว้มันก็เปิดเอง.. ผมนี่ช็อคมากครับตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูก เลยหลบไปอยู่ใต้ผ้าห่ม ตอนนั้นนี่กลัวจนตัวสั่นเลยครับ จำได้ว่าช่วงนั้นอากาศเย็น อุณหภูมิประมาณ 13-15 องศา แต่ผมกลับเหงื่อแตกเหมือนอยู่ประเทศไทยเลย ประเด็นคือ ถ้าเป็นผีไทยก็พอจะสวดมนต์ได้ครับ แต่นี่ผีฝรั่งไม่รู้จะทำยังไง และพอประตูเปิด หมาก็เห่าอีก คือทุกอย่างตีกันในหัวมากตอนนั้น ไม่รู้จะทำยังไงดี คิดว่าคงไม่รอดแน่ๆ คืนนี้ โดนแน่นอน และแล้วก็เป็นไปตามที่ผมกลัวจริงๆ ครับ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง เสียงดัง ‘เอี๊ยดๆ’ เพราะพื้นบ้านเป็นไม้ ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตอนนั้น ลองสวดมนต์ดูก็แล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงเดินอยู่เลย และเสียงเหมือนจะมาหยุดที่หัวเตียงผม เท่านั้นล่ะ บรรยากาศนี่มาเลยครับ อึดอัดมาก รู้สึกหนาวเย็นยะเยือก แต่เหงื่อกลับออก ในใจผมนี่คิดเลย ‘เชี่ย..กูจะทำยังไงดีวะ? เสือกมาเจอผีฝรั่งหลอก..’ สักพัก ผมรู้สึกได้เลยว่ามีเล็บยาวๆ มาลูบตรงปลายผ้าห่มของผม ลากขึ้นมาถึงแขน มีเสียงเล็บขูดผนังด้วย เสียงมันอยู่ทางขวา ผมเลยพยายามหันหนีไปทางซ้าย พอเสียงเริ่มเงียบลง ก็นึกว่ารอดแล้ว ผมตั้งสติเปิดผ้าห่มลองลืมตามาดู นึกว่าจะไม่เจอแล้ว ป่าวเลยครับ เห็นเป็นเงาขาวๆ จ่ออยู่ตรงหน้าเลย!! และพอตาเริ่มปรับภาพได้เท่านั่นล่ะครับ ผมร้องลั่นบ้านเลย!!
ภาพนั้นยังติดตามาจนถึงวันนี้เลยครับ เป็นผู้หญิงหน้าซูบซีด ตาแดงก่ำ เหมือนมีเลือดไหลในตา ปากฉีกกว้าง ผมขาวยาวรุงรัง ใส่เสื้อกระโปรงสีขาว ตัวนี่เรียกได้ว่าเหี่ยว และเน่ามาก ส่วนเล็บยาวมากกก มันกำลังนั่งจ้องหน้ากับผมอยู่! เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย และไม่คิดด้วยว่ามาเรียนไกลถึงอเมริกาจะมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมทำอะไรไม่ถูก ดีดตัวเองลงจากเตียง และเข้ามุมห้อง คว้าผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ แต่ก็ยังไม่จบครับ ผมรู้สึกได้ว่ามันมากอดผมจากข้างหลัง กอดแน่นมากจนผมแทบหายใจไม่ออกครับ ที่ผมทำได้คือพูดแค่ ‘I’m sorry.. I’m sorry..’ ผมพูดวนเป็น 10 รอบ รวมถึงผมกำพระที่คอแน่น พร้อมกับเริ่มสวดมนต์ดูอีกรอบ พร้อมกับอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล แผ่เมตตา สวดทุกบทเท่าที่รู้อะครับตอนนั้น.. พอรู้สึกว่ามันเริ่มคลาย ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี วิ่งออกจากห้อง ไปหาโฮสมัมกับแด๊ด ซึ่งโชคดีที่พวกเขาไม่ปิดประตูนอนครับ ผมพุ่งขึ้นไปบนเตียงเขาเลย มัมกับแด๊ดถามใหญ่เลยว่า ‘What’s wrong with you? What happen?’ ผมก็นึกอะไรไม่ออก ชี้ไปที่ห้องผมบอก ‘Gh.. Ghost! There’s a ghost in my room!’ แด๊ดเลยเดินออกไปดูที่ห้องผม และกลับมาบอกว่าไม่เห็นมีอะไร.. พอผมเหลือบตาไปมอง ปรากฏว่าเห็นมันอยู่ข้างหลังแด๊ดเลย! ผมเลยบอกให้แด๊ดรีบปิดประตู และบอกว่าคืนนี้ขอนอนด้วยนะ แด๊ดก็บอก OK ผมนอนตรงกลางเลยครับ เพราะกลัวมาก แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่า มันยังอยู่ในห้องมัมกับแด๊ด เล่นเอาคืนนั้นผมไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ระแวงไปหมด
พอเช้ามา ผมเลยถือโอกาสเล่าให้ทุกคนในบ้านฟังว่า ไปเล่น Ouija board มา คือผมโดนด่าเละเลย ว่าไปทำอะไรอย่างนั้น ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้ว่าคนที่นี่ก็ยังมีความเชื่อเรื่องพวกนี้กันอยู่.. วันนั้น มัมกับแด๊ดเลยพาผมไปโบสถ์ พาไปพบบาทหลวง ผมก็เล่าให้บาทหลวงฟัง บาทหลวงก็แนะนำให้ผมไปเอา Ouija board ที่เล่นมา.. ระหว่างทางที่ผมกำลังนั่งรถไปเอา Ouija board นั้น เพื่อนผมคนเมื่อวานก็โทรมา บอกว่าเมื่อคืนเจอผีหลอก เท่านั้นล่ะ ผมเลยบอกให้แวะไปรับเพื่อนผมมาด้วย พอไปถึงร้านตู้เกม ผมจำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อ Ouija board อันนั้นมา และก็รีบกลับไปหาบาทหลวงทันที บาทหลวงท่านก็ทำพิธีอะไรไม่รู้ ผมฟังไม่ออก เป็นภาษาในโบสถ์ แต่ดูน่ากลัว และขลังมากตอนทำพิธี ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก และตอนสุดท้ายของพิธีเขาเผา Ouija board ต่อหน้าผมเลย ตอนนั้นผมกับเพื่อนรู้สึกแบบเดียวกันเลย คือร้อนมากๆ ร้อนจากข้างในเหมือนจะระเบิดให้ได้ แล้วหลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจออะไรอีกเลย..
เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลครับ แต่ผมยืนยันเลยว่าผมเจอมาจริงๆ และก็อยากฝากบอกเพื่อนๆ ทุกคนนะครับว่า อย่าเล่นอะไรแผลงๆ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสถานที่ด้วย บางที่มี บางที่ไม่มี.. ผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า สถานที่ที่ผมไปเล่นเกมกับเพื่อน แต่ก่อนมันเคยเป็นโรงพยาบาลบ้ามาก่อน..
Story by คุณธี
โฮส (Host) ครอบครัวที่รับดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยน
มัม (Mom) คุณแม่
แด๊ด (Dad) คุณพ่อ