เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณกุลครับ คุณกุลเล่าว่า.. คืนวันที่เกิดเหตุเราอยู่ที่บ้านค่ะ เพราะมีกินเลี้ยงเล็กๆ กันระหว่างญาติพี่น้อง ขณะที่กำลังคุยไปกินไปนั้น พวกเด็กเล็กๆ ก็วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แตงกวา น้องผู้หญิงคนเล็กสุดก็ถือแก้วเดินไปเดินมา สักพักก็ไปหยิบเอาปากขวดที่แตกเป็นปากฉลามแหลมๆ ขึ้นมา แล้วถือเดินไปเดินมา พอแม่ของน้องแตงกวา (พี่สะใภ้เรา) เห็นก็กลัวอันตราย รีบวิ่งไปจะเอาเศษขวดออกจากมือลูก จังหวะเดียวกันกับน้องแตงกวาปล่อยมือจากเศษขวด ซึ่งมันกำลังจะหล่นจากมือพอดี แม่เลยเอามือไปรองรับ ก่อนที่มันจะตกลงทิ่มเท้าน้อง ปรากฏว่าขวดมันบาดมือแม่น้องแตงกวา เลือดออกเต็มมือ เป็นแผลยาวพอสมควร ไม่สามารถจะทำแผลกันเองได้ ก็เลยต้องไปโรงพยาบาลกันตอนกลางคืนนั้นเลย โดยเราก็ไปกับเค้าด้วย
พอถึงโรงพยาบาลเข้าแผนกฉุกเฉิน ทำแผลเย็บหลายเข็มมาก หมอดูแล้วบอกให้นอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ กลัวว่าแผลจะอักเสบติดเชื้อ เพราะพี่สะใภ้มีไข้ขึ้น ..และเราเป็นผู้โชคดีที่ได้อยู่เฝ้าพี่สะใภ้ค่ะ! คืนแรกได้นอนห้องรวม เนื่องจากไม่มีห้องว่างเลย จนช่วงเย็นของอีกวัน เจ้าหน้าที่มาบอกว่าได้ห้องแล้ว ก็เลยได้ย้ายไปเข้าห้องเดี่ยว ลักษณะห้องคือเปิดประตูเข้าไปจะตรงกับประตูห้องน้ำพอดี มีทีวี ตู้เย็น ระเบียงจะอยู่ข้างหัวนอน.. เราจัดแจงเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ขออาบน้ำก่อน พอค่ำๆ ญาติก็พาน้องแตงกวามาหาแม่ แต่พอตอนจะกลับนางงอแง ขออยู่ที่โรงพยาบาลด้วยด้วย ก็เลยปล่อยเลยตามเลย คืนนั้น เรากับน้องแตงกวาก็ปูผ้านอนกันข้างๆ เตียงพี่สะใภ้นั่นล่ะ.. ช่วงดึกๆ เรากำลังเคลิ้มๆ จะหลับ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาเคาะห้องเพื่อขอวัดไข้ เค้าบอกพี่สะใภ้ว่า ‘ไม่มีไข้แล้ว พรุ่งนี้ได้กลับบ้านแน่นอน..’ แต่เรารู้สึกว่าพยาบาลเค้ามองน้องแตงกวาอยู่พักนึง ก่อนจะออกจากห้องไป
แล้วพอเราเตรียมตัวจะนอนอีกรอบ อยู่ๆ น้องแตงกวาก็ลุกขึ้นมาทำท่าเล่นจ๊ะเอ๋ เราก็คิดว่านางคงเล่นกับเรา เลยดุไปว่า ‘นอนๆ เดี๋ยวให้พยาบาลมาฉีดยานะ!’ ผ่านไปจนเราใกล้จะหลับละ พี่สะใภ้ก็เรียกเราอีก ว่าให้ดูน้องแตงกวาหน่อย เห็นน้องเดินเข้าห้องน้ำไป เราก็เลยลุกไปดู แอบได้ยินนางคุยกับใครก็ไม่รู้ในห้องน้ำ พอออกมาก็หันมาบอกเราว่า ‘พี่เค้าพาหนูมาฉี่แล้ว..’ เรานี่งงเลย!? ในใจก็เริ่มหลอนๆ ละ แล้วพอน้องออกมาน้องก็ไม่นอน เอาแต่เล่นจ๊ะเอ๋ พอถามว่าเล่นอะไรอยู่คนเดียว ทำไมไม่นอน? น้องแตงกวากลับบอกว่า ‘เล่นกับพี่เค้า..’ ถึงตรงนี้เรานี่ขนลุกขึ้นมาเลยค่ะ ตอนนั้นเลยต้องพูดออกไปลอยๆ ว่า ‘แค่มารักษาตัวนะ ไม่ได้มาแย่งที่ทางอะไร พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว..’ จากนั้นน้องก็นอน เราก็หลับ ส่วนพี่สะใภ้หลับยาว คงเพราะฤทธิ์ยาด้วยละมั้ง
แล้วเราก็ต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เห็นพี่สะใภ้ลงจากเตียงมานั่งกอดน้องแตงกวา และร้อง ‘กรี๊ดๆๆ’ เสียงดังลั่นตึกเลย เราตกใจมากว่าพี่สะใภ้เป็นอะไร? พยาบาลแตกตื่นวิ่งเข้ามา มือพี่สะใภ้เลือดเต็มไปหมดเลย แผลที่เย็บเหมือนมันฉีกขาด พยาบาลจะทำแผล และห้ามเลือดให้ แต่พี่สะใภ้ไม่ยอมปล่อยน้องเลย กอดไว้อยู่ตลอด เราต้องไปแกะไปแยกเอาน้องออกมา พอน้องมาอยู่กับเรา พี่สะใภ้ก็ยังบอกอีกว่าอย่าปล่อยตัวน้องนะ กอดเอาไว้ แล้วให้เราโทรหาสามีของแกให้มาที จะย้ายโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นน้องแตงกวาตายแน่ๆ เราก็ตกใจว่ามันเรื่องอะไร แต่ก็โทรหาสามีแกให้ (พี่ชายลูกพี่ลูกน้องเรา) ประมาณ 40 นาที สามีพี่สะใภ้เราถึงจะมาถึง แต่ก็ยังย้ายออกทันทีไม่ได้ ต้องรอหมอเจ้าของไข้ก่อน พี่สะใภ้ไม่ขอเข้าไปรอที่ห้องนั้นอีก ต้องออกมารอตรงแถวเคาน์เตอร์พยาบาลแทน
ระหว่างที่รอหมอ พี่สะใภ้ถึงยอมเล่าให้เราฟังว่า ‘ตอนกุลหลับ พี่ได้ยินเสียงแตงกวามันหัวเราะ ก็เลยลืมตามาดู เห็นแตงกวานอนอยู่บนโซฟา แต่นอนบนตักผู้หญิงคนหนึ่ง ผมซอยสั้น มีแผลเป็นยาวใหญ่บนใบหน้า ดูยังไงก็ไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วกุลนอนอยู่ที่พื้นข้างโซฟา ข้างเท้าของผู้หญิงคนนั้นเลย พี่เรียกกุลยังไงกุลก็ไม่ตื่น เรียกแตงกวาก็ไม่สนใจ เอาแต่นอนหัวเราะ พอพี่เรียกบ่อยๆ เข้า ผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองหน้า พี่นี่แทบช็อค หน้าซีกที่หันมายุบหายไปทั้งแถบเลย พร้อมกับแสยะยิ้ม แล้วมีเสียงพูดออกมาโดยที่พี่ไม่เห็นว่าเขาขยับปากเลยแม้แต่น้อย เขาบอกว่า ‘เด็กคนนี้น่ารัก ขอเอาไปเลี้ยงนะ..’ แล้วเห็นผู้หญิงคนนั้นก็เอาผ้าเหมือนจะเป็นผ้าของโรงพยาบาลจะมารัดคอแตงกวา พี่เลยกระโดดจากเตียงจะไปดึง แต่คว้าเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงตัวแตงกวาสักที คว้าโดนแต่เสาน้ำเกลือ จนพี่เห็นแตงกวาเริ่มจะดิ้นๆ พี่เลยนึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย นึกบทสวดอันไหนได้พี่ท่องหมด แต่ก็ไม่ไป จนท้ายสุดพี่โมโหเลยบอกไปว่า ถ้าไม่ปล่อยลูกกูจะแช่งให้มึงทุกข์ทรมานมากกว่าที่เป็นอยู่ร้อยเท่าพันเท่า จะแช่งให้ตกนรกขุมที่ลึกและทรมานที่สุด พอพี่พูดจบก็คว้าตัวแตงกวามากอดไว้ได้ แล้วก็ร้องกรี๊ดอย่างที่กุลเห็นนั่นล่ะ..’ พอหันมาถามแตงกวา แตงกวาบอก ‘พี่คนนั้นใจดี เล่นกับหนู เล่านิทานให้ฟัง และเอาสร้อยดอกไม้สวยๆ มาใส่คอให้หนูด้วย แต่กลิ่นมันแรงมาก แล้วก็แน่นจนเกือบหายใจไม่ออก..’
พี่ๆ ผู้ช่วยพยาบาลที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหน้าเสียเลย แถมยังบอกว่า.. ‘คนที่พี่สะใภ้เราเจอน่ะ น่าจะเป็นหัวหน้าผู้ช่วยคนเก่า แกขึ้นไปตากผ้าช่วงที่มารับเวรบนดาดฟ้าชั้น 7 ของตึก แล้วไปเจอเด็กเล็กลูกแม่บ้านที่ขึ้นมากับแม่ กำลังจะไปเก็บของเล่นข้างนอกระเบียงดาดฟ้า แกเลยอาสาปีนออกไปเก็บให้ แต่เกิดพลัดตกลงมา หน้ากระแทกลูกกรงชั้น 5 4 และ 3 จนร่างมาค้างอยู่กับเหล็กแหลมลูกกรงระเบียงชั้น 2 ห้องที่พี่สะใภ้เรานอนนั่นล่ะ.. คนป่วยทั่วไปถ้าไม่มีเด็ก ก็ไม่เคยเจออะไร แต่ถ้ามีเด็กมาอยู่ด้วย ก็มักจะเจอแบบนี้ทุกราย และที่ให้พี่สะใภ้เราอยู่ก็เพราะเห็นว่าตอนแรกไม่มีเด็ก เลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร..’ เราได้ฟังนี่หลอนเลยค่ะ ไม่กล้าเดินไปเข้าห้องน้ำ หรือทำอะไรเลย รอจนพี่สะใภ้ย้ายโรงพยาบาลเลยค่ะ
Story by คุณกุล