เรื่องนี้ส่งมาจากคุณปอนด์ครับ คุณปอนด์เล่าว่า.. แม่มักจะเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อสมัยผมยังเด็ก ผมจะชอบทักอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ เช่นตอนผมไม่สบาย แม่พาผมไปอาบน้ำหน้าบ้าน ผมก็ทักขึ้นมาว่า ‘แม่..ลุงเค้ามาหาใครอ่ะ?’ ทั้งที่ตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลย หรืออย่างตอนไปบ้านยายที่สุพรรณฯ ผมก็เคยทักว่ามีคนใส่ชุดขาวเดินอยู่หลังบ้าน มาหาใครไม่รู้? แล้วหลังจากนั้นอีก 2 วันก็มีคนแถวบ้านยายตาย อะไรแบบนี้เป็นต้น ซึ่งผมเองก็จำไม่ค่อยได้เพราะยังเด็กมากๆ แต่มันมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ผมจำได้ดี และมั่นใจว่าสิ่งที่ผมเห็นคือ ‘วิญญาณ’ ครับ
ตอนผมอายุสัก 10 ขวบได้ ผมอยู่จังหวัดปราจีนบุรี อยู่กับปู่ย่าครับ วันหนึ่ง ผมต้องไปงานศพกับพ่อแม่ที่จังหวัดชัยนาท เป็นงานศพของใครที่ผมก็ไม่รู้จัก แต่เป็นคนรู้จักของญาติครับ ไปกันรถ 2 คัน เป็นรถกระบะทั้งคู่ ตอนขาไปผมนั่งรถพ่อไป ด้วยความเป็นเด็ก ผมเลยนอนหลับตลอดทาง ไปตื่นอีกทีคือบ้านยายที่สุพรรณฯ เลย เพราะต้องมารับญาติคนอื่นๆ ที่ไม่มีรถเพิ่ม และก็ถือโอกาสค้างคืนเยี่ยมยายด้วย 1 คืน.. เช้าวันต่อมาก็ออกเดินทางไปวัดที่จังหวัดชัยนาทครับ
พอถึงวัดทุกคนก็ช่วยกันจัดงานตามปกติ ช่วงเย็นก็ทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาฟังพระสวด จนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม แม่ผมขอตัวกลับไปที่สุพรรณฯ ก่อน แต่พ่อผมยังกลับไม่ได้ เพราะปู่ยังนั่งกินเหล้ากับพวกลุงๆ อีก 2 คน พ่อบอกให้แม่ผมกลับไปกันก่อนคันนึง พาญาติคนอื่นๆ กลับไปด้วย แล้วด้วยความที่ผมติดปู่มาก ผมเลยขอรอกลับกับพ่อผมแทน ผมก็เล่นอะไรไปตามประสาเด็ก เวลาผ่านไปจนเที่ยงคืนกว่าๆ ปู่กับลุงๆ ที่กำลังเมาได้ที่ ก็เก็บของเตรียมตัวกลับแล้วครับ ผมเลยขึ้นไปนั่งรอบนรถก่อน แล้วหันไปมองข้างหลังกระบะ เห็นปู่ผมขึ้นมาบนกระบะหลังเป็นคนแรก แล้วหันไปเรียกพวกลุงๆ ว่า ‘ทำอะไรกันเฮ้ย! ช้าชิบหายเลย รีบขึ้นมากันให้หมด จะได้กลับ!’ ตอนนั้น สิ่งที่ผมเห็นคือมีลุงผม 2 คน และใครไม่รู้ขึ้นมาตามด้วยอีก 2 คน รวมเป็น 5 คนอยู่ที่กระบะหลังครับ ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าคงเป็นญาติๆ นี่ล่ะ ที่กลับไม่ทันรอบแรก แล้วพ่อผมก็ขึ้นมาขับรถออกไป โดยที่ผมก็หลับไปตามระเบียบครับ
ผมตื่นมาอีกทีเพราะปวดฉี่มาก ไม่รู้ว่าอยู่แถวไหนแล้ว รู้แค่ว่าสองข้างทางค่อนข้างรก มีหญ้าขึ้นสูงมาก แล้วก็แทบไม่มีบ้านคนหรือปั๊มน้ำมันเลยครับ ผมเลยบอกให้พ่อจอดข้างทางก่อนเพื่อจะลงไปฉี่ พ่อผมก็จอดให้ แล้วบอกผมว่าให้ไหว้ก่อนด้วยนะค่อยฉี่.. พอผมลงปุ๊บ มองไปทางกระบะหลังเห็นปู่กับลุงๆ ก็ลงมาฉี่ด้วย แต่ตอนนี้ผมเห็นมีแค่ 3 คนครับ ผมก็แปลกใจแต่ไม่ได้ถาม.. พอผมฉี่เสร็จขึ้นรถมาปุ๊บ ผมได้ยินเสียงปู่ตะโกนว่า ‘เอ้ย! จะเยี่ยวอะไรกันนานนักวะ รีบขึ้นมาเลย จะได้ไปต่อ..’ ผมหันไปดูที่กระบะหลัง ปรากฏว่ามีคนทยอยขึ้นมาจากไหนไม่รู้เกือบ 10 คนได้!! และ 2 คนก่อนหน้าที่ผมไม่เห็นตอนลงไปฉี่ เขายังอยู่ครับ อยู่ด้านในสุดของกระบะ ติดกับกระจกหลังที่ผมมองอยู่เลย! ผมเห็นแบบนั้นเลยบอก ‘พ่อ!! คนมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะเลย? มาขึ้นรถเรา..’ พ่อผมหันไปดูบอก ‘ไหน!? ไม่เห็นมี..’ แต่พอพ่อผมหันมามองผ่านกระจกส่องหลังเท่านั้นล่ะครับ พ่อผมถึงกับสะดุ้งเลย!!! ผมได้ยินพ่อพึมพำออกมาเบาๆ ว่า ‘แม่งเอ้ย มาจากไหนกันวะเนี่ย?’
พ่อผมขับรถเร็วมากครับ 140+ ได้ พอเจอวัดที่ใกล้ที่สุดก็เลี้ยวเข้าไปทันที หากุฏิพระที่ใกล้ที่สุดแล้วจอดรถบีบแตร พระในกุฏิก็ออกมา พ่อผมบอกว่า ‘ช่วยที่หลวงพี่ ผีเต็มหลังรถเลย..’ พระเลยวิ่งไปตามเจ้าอาวาสให้ ปู่กับลุงๆ ที่อยู่ในอาการกึ่งเมา ถึงกับสร่างเลยครับ พอได้ยินพ่อผมพูดแบบนั้น รีบกระโดดออกจากหลังกระบะวิ่งเข้าศาลาเลย รวมถึงพ่อ และผมด้วย.. พอเจ้าอาวาสออกมา ท่านบอกคำแรกเลยครับว่า ‘ไปชวนเขาขึ้นรถมาได้ยังไงล่ะโยม?’ ผมเล่าทั้งหมดที่เห็นให้ท่านฟัง ก่อนที่คนอื่นจะพูดอีกครับ ท่านเลยสวดมนต์ แล้วเอาน้ำมนต์พรมรถให้ครับ ผมจำพิธีกรรมเหล่านั้นไม่ค่อยได้แล้ว จำได้ว่าคืนนั้นต้องนอนที่วัดกันทั้งหมดเลย.. ตื่นมาตอนเช้า เจ้าอาวาสเลยบอกว่า ‘เนี่ย พวกโยมเวลาอยู่ตามวัดหรือที่เปลี่ยวๆ ถ้าจะเรียกใครขึ้นรถน่ะ ให้ขานชื่อเขานิดนึง ไม่อย่างนั้นวิญญาณสัมภเวสีแถวนั้นเขาจะคิดว่าเรียกเขา..’ พอผมได้ยินพระท่านพูด ผมถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นเรียกว่าวิญญาณ แต่ผมโชคดีอยู่อย่างคือ เค้ามาแบบเหมือนคนธรรมดามากๆ จนผมดูไม่ออกเลยว่าคนหรือผี เพราะผมคิดมาเสมอว่าผีคงจะต้องหน้าเละๆ น่ากลัวครับ
ปล. พ่อผมไปรู้จากญาติๆ ทีหลังว่า ตรงจุดที่ผมลงไปฉี่กัน เป็นโค้งอันตราย เคยมีอุบัติเหตุอยู่เรื่อย ตายโหงก็หลายศพด้วยครับ
Story by คุณปอนด์