เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณก๊าซครับ คุณก๊าซเล่าว่า.. เหตุการณ์ที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนในครอบครัวเจอกันหมด ยกเว้นตัวผมกับแม่ครับ.. ย้อนกลับไปตอนผมอยู่ ป.2 ผมมีป้าแท้ๆ ชื่อป้าแดง แกเป็นโรคความดันโลหิตสูง และเป็นเบาหวานด้วย ป้าแดงมีแผลที่เล็บนิ้วโป้งเท้า เรื้อรัง และแกก็ไม่ยอมไปหาหมอ พ่อแม่ผมพยายามลากแกไปหลายครั้ง แต่ป้าแกดื้อครับ ไม่ยอม จะอยู่แต่บ้านอย่างเดียว แผลมันเลยลาม บวกกับที่เป็นเบาหวานด้วยมันเลยเน่า ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งตลอด เวลาแกเดินก็จะเจ็บ ต้องเดินลากขากระเพลกๆ
แต่ป้าแดงเป็นคนที่รักบ้าน รักครอบครัวมากครับ ชอบทำงานบ้าน หุงข้าว ทำกับข้าว คือเหมือนเป็นแม่บ้านประจำบ้านเลยก็ว่าได้ เวลาพวกเราออกไปเที่ยวนอกบ้านกัน ป้าแกจะไม่ยอมไปเพราะห่วงบ้าน จะคอยอยู่เฝ้าบ้านตลอด.. จนมีวันนึง เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ป้าแดงแกเสียครับ พ่อแม่มาเล่าให้ฟัง ว่าป้าแกนอนชัก น้ำลายฟูมปากอยู่ตรงกลางพื้นบ้าน พ่อจะรีบอุ้มพาไปโรงพยาบาล ระหว่างที่อุ้มเดินไปถึงประตูจะออกจากบ้าน มือป้าแกเกาะขอบประตูไว้แน่นเลยครับ ไม่ยอมไป จะเข้าบ้าน จนต้องดึงกระชากออก.. พอไปถึงโรงพยาบาล หมอก็พยายามช่วยสุดชีวิตแล้วครับ แต่ก็ไม่ทัน ป้าแกสิ้นลมก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว..
หลังจากนั้น เหตุการณ์สยองก็เริ่มเกิดขึ้น.. คืนแรก ทุกคนกลับมาจากงานศพก็ไม่มีอะไร นอนพักผ่อนตามปกติ (บ้านผมนอนรวมกันห้องเดียวครับ) แต่พอคืนต่อมา ประมาณตี 3 พี่สาวผมตื่นมาเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำบ้านผมจะอยู่ชั้นล่าง เลยต้องเดินลงไปคนเดียว เพราะทุกคนหลับหมด.. ตอนพี่ผมเดินลงบันไดไปห้องน้ำ มันจะต้องผ่านจุดที่ป้าแดงแกนอนชักตายน่ะสิครับ พี่ผมบอกว่าตอนนั้นนี่กลิ่นมาเลย กลิ่นนิ้วโป้งเท้าของป้าที่เน่า กลิ่นคลุ้งแรงมาก! พี่ผมรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ และรีบกลับขึ้นห้องนอน ระหว่างที่ขึ้นบันได พี่ผมก็เผลอเหลือบไปมองตรงจุดที่ป้านอนตาย พี่ผมแทบลมจับ มือสั่น ตัวแข็งทื่อเลยครับ เพราะสิ่งที่พี่ผมเห็นคือป้าแดง! ใส่เสื้อคอกระเช้าสีแดงตัวเก่ง กำลังนั่งก้มแคะนิ้วโป้งเท้าที่เน่าอยู่! เท่านั้นแหละพี่ผมวิ่งขึ้นห้องแบบไม่คิดชีวิตเลยครับ
วันรุ่งขึ้น พี่สาวผมเล่าเรื่องที่เจอป้าแดงให้ทุกคนฟัง ยกเว้นผมกับพี่ชายอีกคน (เพราะกลัวว่าผมกับพี่จะกลัว) พ่อผมเลยบอกว่าก็เจอเหมือนกัน พ่อเล่าว่า.. เมื่อวันก่อนสักเที่ยงคืน ทุกคนในบ้านขึ้นบนนอนกันหมดแล้ว คือพ่อผมจะเป็นคนชอบจดบันทึกประจำวันคนเดียวดึกๆ อยู่ชั้นล่างครับ ระหว่างที่พ่อก้มหน้าก้มตาเขียนอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดมาจากชั้นบน (เวลาป้าเดินลงบันได แกจะเดินลงช้าๆ ทีละขั้น พอลงเท้าซ้ายได้ ก็จะตามด้วยเท้าขวา ละก็หยุดพักที่ขั้นนั้น แล้วเดินลงต่อ พอเดินลงมาได้สักพัก แกจะทิ้งตัวนั่งที่หัวบันได พักสักครู่ เพราะแกเหนื่อยง่าย) ตอนนั้นพ่อได้ยินเป็นเสียง ตึกๆ.. ตึกๆ.. ตึกๆ.. (เสียงเอาเท้าลงทีละข้าง) ตึกๆ.. ตึกๆ.. ตึง! (เสียงนั่งพักตรงหัวบันได) พ่อผมเริ่มใจคอไม่ดี เลยปิดสมุดไม่เขียนแล้ว รีบเดินขึ้นห้องนอนทันที
เข้าห้องมา พ่อผมรีบนอนคลุมโปงเลยครับ.. ผ่านไปไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง มีเสียงคนขึ้นบันไดตามมา ตึกๆ.. ตึกๆ.. แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ก่อนจะเคาะประตูรัวๆ ‘ก่อกๆๆๆ’ ตอนนั้นพ่อผมใจเสียเลยครับ เพราะข้างล่างไม่มีใครแล้วแน่ๆ ทุกคนอยู่ครบนอนหลับกันหมดแล้วในห้องนี้ พ่อสวดมนต์ในใจไปผิดๆ ถูกๆ แต่แปลกตรงที่ไม่มีใครตื่นเลย เหมือนกับพ่อได้ยินอยู่คนเดียว!
อีกคืนนึง พี่กอล์ฟ พี่ชายผมเจอครับ ตอนนั้นพี่กอล์ฟกำลังนั่งอ่านหนังสือสอบอยู่ข้างล่างคนเดียว อยู่ดึกเลยครับ ทุกคนหลับกันอยู่ข้างบน.. ระหว่างที่พี่ผมอ่านหนังสือ ก็ได้กลิ่นฉุนๆ คลุ้งๆ เหมือนกลิ่นฟอร์มารีนในงานศพ พร้อมกับได้ยินเสียงเรียก ‘กอล์ฟ.. กอล์ฟ..’ ทีแรกก็คิดว่าคงหูฟาด เพราะนอนดึกมาหลายวัน ก็อ่านหนังสือต่อ แต่สักพักเสียงเรียกมาอีกแล้ว ‘กอล์ฟ! กอล์ฟ!!’ คราวนี้ชัดเลย เป็นเสียงของป้าแดง เรียกมาจากหลังบ้าน! พี่กอล์ฟเงียบ ไม่กล้าตอบ เพราะโบราณว่า ถ้ามีเสียงเรียกชื่อตอนดึกๆ อย่าขานรับ.. สักพักมาเลย ‘แก่กๆๆ!!’ เสียงเขย่าประตูลูกกรงหลังบ้าน พร้อมกับพูดว่า ‘กอล์ฟ… เปิดประตู ป้าจะเข้าไปหุงข้าวลูก..’ เท่านั้นแหละพี่ผมปิดหนังสือ วิ่งขึ้นห้องนอนเลย
พอวันรุ่งขึ้นทุกคนมานั่งปรึกษากัน และตัดสินใจนิมนต์พระมาที่บ้าน เพื่อที่จะคุยกับป้าแดง เพราะเหมือนเขาตายไปแล้ว แต่ไม่รู้ตัว.. พระท่านเล่าว่า ‘แกบอก แกหวงบ้าน และห่วงทุกคนในบ้าน ต้องพยายามอยู่นาน กว่าจะอัญเชิญแกออกไปได้ เพราะแกเป็นคนดื้อ..’ หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีใครเจอป้าแดงอีกเลย ป้าแกคงไปสู่สุขติแล้วล่ะครับ ก็โชคดีไปที่ผมกับแม่ไม่เจอ.. จนถึงวันนี้ พอที่บ้านพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ขนลุกกันทุกที..
Story by คุณก๊าซ