คืนนี้มีคนขอให้นำเรื่องจริงที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆ นี้มาเล่าให้ฟังกันครับ เรื่องจากคุณเฉลิมพนธ์ นักประดาน้ำภาค 7 เหตุเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อคืนวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านนี้มา.. คืนนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืน มีเหตุคนสูญหายใต้น้ำ เป็นนักท่องเที่ยวชาวพม่าผู้ชายชาย 1 ราย มากัน 5 คน และได้เช่าแพท่องเที่ยว ลากออกไปล่องห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร และได้ผูกแพไว้เพื่อพักผ่อน 1 คืน ซึ่งตรงจุดที่กลุ่มนักท่องเที่ยวไปผูกแพพักกันนั้น ห่างไปเพียงเล็กน้อยก็จะถึง ‘ถ้ำลั่นทม’ เป็นถ้ำที่อยู่ใต้น้ำมีขนาดใหญ่ และลึกมาก ตัวผมเคยลงไปสำรวจแล้ว แต่ยังไม่เคยเข้าไปได้ถึงก้นถ้ำ..
เพื่อนนักท่องเที่ยวเล่าว่า หลังจากผูกแพเสร็จ ก็ได้ทานอาหารเย็นร่วมกัน ทั้งดื่มสุราด้วย ดื่มกินกันไปได้พักใหญ่ ก็เกิดอาการมึนเมา จึงชวนกันไปเล่นน้ำ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว จังหวะที่เล่นน้ำซึ่งต้องโดดลงจากแพ ปรากฏว่ามี 1 ใน 3 คนที่โดดได้จมหายไปใต้น้ำโดยไม่ขึ้นมาอีกเลย.. ที่เหลือจึงแจ้งไปที่เจ้าของแพบนฝั่งให้นำเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ เจ้าของแพจึงแจ้งมาทางมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ให้มาช่วยค้นหา.. คืนนั้นทางมูลนิธิดำค้นหากันจนถึง 7 โมงเช้าก็ยังไม่พบศพ จึงขอกำลังมาทางชมรมกู้ภัยทางน้ำภาค 7 ที่ผมประจำอยู่
ผมจึงนำกำลังพร้อมทั้งประสานกับทางมูลนิธิสว่างราชบุรี ให้มาร่วมค้นหา ต้องเดินทางจากที่ตั้งไปที่เกิดเหตุระยะทาง 150 กิโลเมตร ไปถึงท่าลงเรือ 11 โมง นั่งเรือออกไปอีก 20 นาที ถึงที่เกิดเหตุก็วางแผนร่วมกัน วางจุดที่จะค้นหา ซึ่งตกลงกันว่าผมจะดำลงไปสำรวจก่อนว่าสภาพใต้น้ำเป็นอย่างไร แล้วจะลองค้นหาดูคนเดียวก่อน โดยทิ้งทุ่นลงไปจากจุดที่จม ความลึกอยู่ที่ 30 เมตร.. ระหว่างที่ผมไต่ระดับความลึกลงไปเรื่อยๆ รู้สึกได้เลยว่า ตรงนี้เจ้าที่แรงมาก แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมหวั่นไหว ผมไต่ระดับลงไปอีก พร้อมกับใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ สภาพใต้น้ำเป็นหน้าผาหิน ต้นไม้น้อยใหญ่ยังคงมีอยู่มากมาย ความชันอยู่ที่ 70 องศา ผมก็ไต่ลงไปจนถึงที่ความลึก 30 เมตร น้ำเย็นจัด และมืดมาก การมองเห็นต้องใช้ไฟฉายช่วยเท่านั้น ผมก็ค้นหาไปเรื่อยๆ และลงลึกไปอีก จนอยู่ระดับที่ 45 เมตร ทันใดนั้น! ทันทีที่ผมวาดไฟฉายไป สายตาของผมก็มองเห็นร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่กับหิน ห่างจากผมประมาณ 3 เมตร สภาพไม่ได้ใส่เสื้อ ใส่เพียงกางเกงในตัวเดียว ตัวขาวซีด แขนขาเกร็ง ผมจึงว่ายเข้าไปใกล้ แล้วใช้มือคล้องแขนเพื่อที่จะนำศพขึ้นไป
แต่ระหว่างที่จะถึงผิวน้ำอีกเพียง 15 เมตร ตัวผมกับศพก็ไปติดกับกิ่งไม้ใหญ่เป็นพุ่มกว้าง ไม่สามารถขึ้นไปได้ ผมก็แกะอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่หลุด จึงตัดสินใจปล่อยมือจากศพ ให้หลุดลงไปยังใต้น้ำอีกครั้ง แต่ระหว่างที่ผมปล่อยมือศพลงไปเบื้องล่าง ผมก็ฉายไฟตามลงไปด้วย แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ผมเห็นเบื้องล่างนั้น ผมแทบไม่เชื่อสายตาครับ! ผมเห็นเป็นชายแก่ผมยาว แหงนหน้ามองขึ้นมาทางผม สีหน้าดูเรียบเฉย ผมคิดในใจว่า ‘เอาละ ก๊าซไนโตรเจน ในถังเล่นผมแล้ว..’ แต่พอผมฉายไฟลงไปอีกครั้ง ผมก็ยังเห็นชายแก่มองอยู่เหมือนเดิม! ทีนี้ผมเลยไม่มองลงไปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาแกะกิ่งไม้ออก แล้วรีบขึ้นมาบนผิวน้ำทันที โดยที่ไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะกลัวเขาหาว่าเราบ้า อีกอย่างกลัวลูกน้องจะไม่กล้าลงไปด้วยครับ.. แล้วทีนี้ก็ต้องมาวางแผนกันใหม่ โดยให้ทีมดำลงไปเอาเชือกผูกศพแล้วช่วยกันดึงขึ้นมาจนสำเร็จ นำศพส่งโรงพยาบาลท่ากระดานเพื่อชันสูตรต่อไป..
ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ทีมงานดำน้ำชุดที่มาเมื่อคืนเล่าให้ฟังว่า เจ้าของแพบอกว่าเจ้าที่ตรงนี้แรงมาก มีถ้ำใต้น้ำชื่อ ‘ถ้ำลั่นทม’ มีคนมาเสียชีวิตที่นี่หลายรายแล้ว รายนี้เป็นรายที่ 16 ..ที่ตรงนี้เป็นที่อยู่ของ ‘พญานาคราช’ คนที่รู้ไม่มีใครกล้ามาแถวนี้หรอก แพที่มาจอดตรงนี้ แขกที่มาเที่ยวจะเจออาถรรพ์ทุกราย ซึ่งเมื่อคืนในทีมก็เจอกันมาแล้ว ใครที่นอนหลับก็จะฝันว่ามีเด็กหลายคนมาวิ่งเล่นบนแพ ทำให้ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทั้งคืน และเขาบอกว่า ถ้าจะให้พบศพ ต้องจุดธูป 16 ดอก ขอขมาก่อน ซึ่งทำแล้วก็พบศพจริงๆ.. แล้วตอนที่พบศพจะเห็นมีน้ำวนอยู่ตรงจุดนั้นตลอดเวลา ซึ่งทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนที่ผมลงไปค้นหาจนพบศพแล้วกำลังนำขึ้น น้ำตรงนั้นวนแรงมาก! ทุกคนที่เห็นพากันตะลึง แต่ตอนที่เห็นก็ไม่มีใครกล้าพูด จนระหว่างเดินทางกลับถึงมาเล่าให้ผมฟัง.. เรื่องที่เจอเป็นเรื่องจริงไม่ได้ปรุงแต่ง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ว่ากันไม่ได้ แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าสิ่งเล้นลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้นั้นมีจริงๆ ครับ
Story by คุณเฉลิมพนธ์ นักประดาน้ำภาค 7